ในปัจจุบันการทำการเกษตรไม่ได้เป็นเหมือนในอดีตที่ต้องลงแรงในการทำเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงมี การเกษตรดิจิทัล ที่เป็นสิ่งช่วยทุนแรงเราเองให้สามารถทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยิ่งการทำเกษตรยุคใหม่ที่กำลังเป็นเทรนด์ไปทั่วโลกนั้นเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมากมาย ซึ่งถูกนำมาใช้พัฒนาวิถีการทำการเกษตร อำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของเกษตรกรยุคใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ ได้
ทางเรามีตัวอย่างเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทยเพื่อเป็นไอเดียให้เกษตรกร และผู้ประกอบการนวัตกรรมเพื่อนำไปพัฒนาต่อได้
การเกษตรดิจิทัล
เป็นการใช้ประโยชน์จากการเก็บข้อมูลด้านการเกษตรต่าง ๆ ทั้ง สภาพดิน สภาพน้ำ อุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณแสง พื้นที่เพาะปลูก สถานการณ์เจริญเติบโต ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เข้าใจในเรื่องปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งช่วยหาแนวทางการทำการเกษตรที่เหมาะสม แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับเกษตรกร
นอกจากนี้เราสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาต่อยอดควบคู่กับปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น การนำ AI ช่วยควบคุมดูแลแปลงพืช โดยเกษตรกรแทบจะไม่ต้องลงไปทำด้วยตัวเอง
เครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ โดรนและระบบอัตโนมัติ
ปัจจุบันเกษตรกรมีจำนวนลดลงเข้าไปทุกวันซึ่งสวนทางกับความต้องการทางด้านผลผลิตการเกษตร นวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ โดรน หรือระบบจัดการต่าง ๆ จึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเกษตรกรประหยัดทั้งเวลา และแรงงาน แต่ยังสามารถสร้างผลผลิตได้เท่าเดิม หรืออาจมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่ประโยชน์ของนวัตกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การใช้เป็นเครื่องทุนแรง แต่ยังหมายถึงการที่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น สามารถช่วยลดต้นทุนพร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นได้อีกด้วย อย่างหุ่นยนต์ AI ตัวแรกขิงอิสราเอลที่จะทำงานอัตโนมัติเมื่อดอกไม้พร้อมสำหรับการผสมเกษตร ในอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม ช่วยให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นมากกว่าการปล่อยไว้ตามธรรมชาติ หรือการใช้โดรนในการช่วยปลูกข้าวเพื่อความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร
เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรเป็นการประยุกต์ศาสตร์ความรู้ที่หลากหลายทั้งชีววิทยา เคมี และองค์ความรู้ด้านการเกษตรเพื่อนำมาพัฒนาจุลินทรีย์ที่ใช้งานทางการเกษตร การดัดแปลงยีน การปรับปรุงพืชหรือสัตว์ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ ธุรกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตร โดยเทคโนโลยีชีวภาพนี้ถูกเริ่มนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการการเกษตร เช่น การใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ในดินเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเติบโตและสามารถทนต่อสภาวะแล้ง รวมถึงทนทานต่อวัชพืช ลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง หรือแม้การปรับปรุงพันธุ์สัตว์ให้ทนทานต่อโรคระบาด
การจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่
ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องทำการเกษตรอยู่บนความเสี่ยง เสี่ยงทั้งสภาพดินฟ้าอากาศในการเพาะปลูกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ จนเกิดเป็นปัญหาผลผลิตที่ออกมาได้ไม่แน่นอนจึงได้เกิดเป็นการจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ควบคุมปัจจัยการเติบโตได้แน่นอนมากยิ่งขึ้น
อย่างโครงการของ Plant Factory ที่กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ที่เป็นโครงการพัฒนาสูตรและระบบควบคุมการปลูกพืชเศรษฐกิจอัจฉริยะเพื่อชุมชน เป็นการออกแบบและพัฒนาระบบโรงงานผลิตพืชที่ควบคุมสภาพแวดล้อม
ในการผลิตพืชได้ โดยมีเทคโนโลยี IoT ในการเก็บค่าจากเซนเซอร์เพื่อควบคุม และวิเคราะห์การปลูกซึ่งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อที่จะสามารถควบคุมความปลอดภัยและเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าการปลูกพืชแบบปกติได้ 2-3 เท่า โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยจากธรรมชาติที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และจะทำให้การเกษตรมีศักยภาพในการสร้างความมั่นคง ความมั่นคง ความยั่งยืน และความปลอดภัยทางอาหารเป็นอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Plant Factory ได้ที่:
Facebook: https://www.facebook.com/thaiplantwiki
