เชื่อว่าหลาย ๆ คนมักจะได้ยินคำว่า Superfoods กันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งชื่อนี้มักจะเอาไว้เรียกอาหารที่คนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักมักจะนิยมทานกัน ซึ่งอาหารประเภทนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพดี แต่ยังช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายอีกด้วย
Superfoods คืออะไร?
Superfoods คือชื่อเรียกอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารที่ครบถ้วน รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันดี ที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งการรับประทานอาหารประเภทนี้จะช่วยบำรุงสุขภาพ ทั้งยังมี Phytonutrients ซึ่งมีฤทธิ์ปกป้องเซลล์ ช่วยลด ชะลอหรือป้องกันการเกิดโรคบางชนิด และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังได้ นอกจากนี้ผู้ที่รับประทาน Superfoods จะมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารประเภทนี้อีกด้วย
ประโยชน์ของ Superfoods
ด้วยความที่เป็นอาหารที่มีสารต้านนุมูลอิสระสูง จึงทำให้ช่วยบรรเทาหรือลดผลจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระต่อเซลล์ในร่างกาย ส่งผล Superfoods ให้ช่วยป้องกันโรคได้ ไม่ว่าจะเป็น
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคมะเร็ง
- โรคข้ออักเสบ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคระบบหายใจ
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- โรคถุงลมปอดโป่งพอง
- โรคพาร์กินสัน
อาหารประเภท Superfoods มีอะไรบ้าง?
1. ผักใบเขียว
อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ใยอาหาร โฟเลต เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม ที่สำคัญผักใบเขียวเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวานประเภทที่ 2 หรือโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ ผักที่มีใบสีเขียวเข้มยังมีสารต้านการอักเสบอย่างแคโรทีนอยด์ในปริมาณมากด้วย จึงอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ อีกทั้งยังมีใยอาหารที่ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
2. ไข่
มีโปรตีนคุณภาพสูง และมีสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก โคลีน ฟอสฟอรัส เป็นต้น นอกจากนี้ ภายในไข่ยังมีลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสุขภาพดวงตาและประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วย
3. ชาเขียว
อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี มีแคลอรี่ต่ำ ช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้น มีสารคาเตชิน สารต้านอนุมูลอิสระที่ประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีคุณสมบัติลดการอักเสบและยังช่วยต้านมะเร็ง นอกจากนี้การดื่มจะช่วยลดความเครียด ลดความอยากอาหารและชาบางชนิดยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้อีกด้วย
4. อะโวคาโด
มีทั้งใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด รวมมถึงยังมีกรดโอเลอิกซึ่งเป็นไขมันดีชนิดหนึ่งที่อาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้ การรับประทานอะโวคาโดจะช่วยลดความเสี่ยงต่อกลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจได้อีกด้วย
5. ธัญพืช
อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยธัญพืชแต่ละส่วนล้วนมีประโยชน์ เช่น จมูกข้าวเป็นแหล่งของไขมันดี วิตามินบี วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ หรือในเมล็ดข้าวก็เป็นแหล่งของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน เป็นต้น ธัญพืชยังให้วิตามินบี แร่ธาตุ ไฟโตนิวเทรียนท์ (phytonutrients) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและเบาหวาน อาหารกลุ่มนี้ควรเลือกเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ขัดสี ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป ไม่ผสมน้ำตาล
6. พืชตระกูลถั่วและเมล็ดพืช
มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน วิตามินบี ใยอาหาร หรือแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ โดยประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของถั่ว คือช่วยป้องกันและควบคุมโรคต่าง ๆ ได้
- ถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืช (Nuts and seeds)
มีใยอาหาร โปรตีน และไขมันชนิดที่ดีต่อหัวใจ มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์จากภาวะเครียดออกซิเดชั่น (Oxidative stress) งานวิจัยหลายชิ้นยังบ่งบอกว่าการกินถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชสามารถป้องกันโรคหัวใจได้
- ถั่วตระกูลฝัก (Legumes)
ช่วยป้องกันและบรรเทาโรคหลายชนิด เนื่องจากพืชกลุ่มนี้มีวิตามิน B แร่ธาตุ โฟเลต โปรตีนและใยอาหารสูง โดยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล
7. แซลมอน
อุดมไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์ อย่างโปรตีน ไขมันดี วิตามินบี โพแทสเซียม ซีลีเนียม และโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก โดยการรับประทานแซลมอนอาจช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดการอักเสบ และลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจได้อีกด้วย
8. น้ำมันมะกอก
เป็นน้ำมันที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันอย่างโอเมก้า 3 และ 6 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและสารโพลีฟีนอลอยู่ในปริมาณมาก รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินอีและวิตามินเคที่มีส่วนช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรดโอเลอิกที่มีส่วนช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมันอีกด้วย
9. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารสำคัญมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการอักเสบต่าง ๆ และลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจได้ โดยการบริโภคผลเบอร์รี่ชนิดต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการรักษาแบบดั้งเดิม อาจมีผลต่อการรักษาโรคในทางเดินอาหารและโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ได้
การทาน Superfoods ให้ได้ผลมากที่สุดคือการทานเป็นประจำ และมีความหลากหลายหลาย สับเปลี่ยนกันไปร่วมกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ จึงจะสมดุลและพอดีกับความต้องการของร่างกายมากกว่าการเน้นทานสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงไม่กี่อย่างแล้วหวังผลชั่วข้ามคืน
สำหรับพืชในโครงการของ Thaiplantwiki ก็จะเป็นประเภทของพืชใบเขียวที่สามารถปลูกในระบบของ Plant Factory ได้ โดยผลผลิตของโครงการจะให้ผลลัพธ์ในปริมาณที่มากกว่าการปลูกแบบระบบอื่น ทั้งยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในทุกฤดูกาล สำหรับใครที่สนใจเรื่องของอาหารประเภท Superfoods ก็อย่าลืมติดตามเว็บไซต์ของเราไว้นะคะ รับรองว่าไม่พลาดแน่นอน
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Plant Factory ได้ที่:
Facebook: https://www.facebook.com/thaiplantwiki